
การสร้างบ้านสักหลัง ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ที่เราจะมองข้าม หรือไม่ให้ความสำคัญ เพราะบ้านคือสถานที่อยู่อาศัย และสถานที่พักผ่อน ดังนั้นบ้านที่สร้างออกมาจะต้องมีคุณภาพได้มาตรฐาน เพื่อให้การอยู่อาศัยเป็นไปได้อย่างมีความสุข
แต่เชื่อว่าการสร้างบ้านได้นั้น มักต้องแลกมากับเรื่องปวดหัว และปัญหามากมาย อย่างเรื่อง ผู้รับเหมา หรือบริษัทรับสร้างบ้านที่มักทำผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้นั่นเอง ซึ่ง สัญญา สร้างบ้าน คืออะไร และมีความสำคัญต่อการสร้างบ้านมากน้อยขนาดไหน ก็ตามมาดูบทความที่เรานำมาฝากในวันนี้กันได้เลย
สัญญา สร้างบ้าน คืออะไร มาดูกัน
สัญญา สร้างบ้าน คือ เอกสารที่ระบุข้อตกลง ข้อกำหนด และรายละเอียดต่าง ๆ รวมกันเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้าง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจข้อตกลงร่วมกัน ว่าผู้ว่าจ้างจะจ่ายค่าตอบแทนให้กับการดำเนินการก่อสร้างตามรายละเอียด หรือข้อตกลงการก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนดตามสัญญาให้แล้วเสร็จ หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิด หรือละเมิดสัญญาก็สามารถดำเนินการร้องเรียนได้ เพื่อให้เป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย

ควรมีรายละเอียดอะไรบ้างใน สัญญา สร้างบ้าน
- วันที่ และสถานที่ในการทำสัญญา
การระบุวันที่ และสถานที่ในการทำสัญญา จะช่วยให้ผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้างทราบว่าสัญญาก่อสร้างฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ ทำสัญญาที่ไหน และมีอายุสัญญาทั้งหมดกี่ปี
- ข้อมูลส่วนบุคคลของคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย
ในสัญญาสร้างบ้าน จะต้องมีการระบุข้อมูลส่วนบุคคลของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ ที่อยู่หน่วยงาน เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ว่าจ้าง และผู้รับจ้างได้
- ขอบเขต และลักษณะของเนื้องานที่รับผิดชอบ
ในสัญญาสร้างบ้านจะต้องมีการกำหนดขอบเขต และลักษณะของงานที่รับผิดชอบอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดในการก่อสร้างที่ผู้ว่าจ้างตกลงกับผู้รับจ้าง ว่าสร้างบ้านในรูปแบบไหน แบบบ้าน หรือสถานที่ในการก่อสร้าง เป็นต้น
- ราคา และรายละเอียดการจ่ายงวดงาน
ในสัญญาสร้างต้องมีการระบุราคา ค่าจ้างเหมาทั้งหมด การจ่ายชำระก่อนการเริ่มดำเนินการกี่เปอร์เซ็นต์ การแบ่งงวดงานออกเป็นงวด และการจ่ายชำระเงินงวดงานในแต่ละงวดกี่เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อการชำระค่างวดในภายหลัง
- ระยะเวลาของสัญญา
สัญญาสร้างบ้านที่ดี จะต้องมีการกำหนดระยะเวลาของสัญญาตั้งแต่เริ่มดำเนินการก่อสร้างจนถึงการดำเนินงานก่อสร้างเสร็จสิ้น โดยจะต้องระบุระยะเวลาการก่อสร้างให้ชัดเจน
- รายละเอียดของหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง
ในสัญญาจะต้องระบุรายละเอียดของหน้าที่ และความรับผิดชอบต่าง ๆ ของผู้ว่าจ้าง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยน แก้ไข เพิ่มเติม หรือปรับลดรายการ และแบบก่อสร้างเดิม หรือปรับเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนดที่ตกลงกันไว้ หรือผู้ว่าจ้างมีสิทธิ์สั่งหยุดงาน หากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้องตามแบบแปลน หรือมีสิทธิ์ระงับ และไม่จ่ายค่างวดงานในส่วนดังกล่าว เป็นต้น
- รายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้รับจ้าง
นอกจากรายละเอียดของผู้ว่าจ้างที่ต้องระบุในสัญญา ต่อมาก็ต้องมีรายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้รับจ้างด้วย ไม่ว่าจะเป็นผู้รับจ้างจะต้องดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้อง และแล้วเสร็จตามสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างในระยะเวลาที่กำหนด หรือผู้รับจ้างสามารถโอนงานให้ผู้อื่นได้ แต่ยังคงเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดตามระบุในสัญญา เป็นต้น
- รายละเอียดของการเลือกวัสดุ อุปกรณ์ในการก่อสร้าง
ในการทำสัญญาสร้างบ้าน ผู้รับจ้างจะต้องกรอกรายละเอียด ข้อมูลของวัสดุ และอุปกรณ์ที่เลือกใช้อย่างละเอียด เพื่อที่จะให้ผู้ว่าจ้างรู้ว่าวัสดุ หรืออุปกรณ์ชั้นนั้นมีคุณภาพได้มาตรฐานหรือไม่
- การรับประกันคุณภาพหลังจากส่งมอบงาน
การทำสัญญาสร้างบ้าน จะต้องมีการระบุการรับประกันหลังส่งมอบงาน ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้ทางฝ่ายผู้รับจ้างจะต้องเป็นคนกำหนดระยะเวลาประกันงานขึ้นหลังจากส่งมอบงาน โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีระยะเวลาการรับประกันอยู่ที่ 1-5 ปี หากผู้ว่าจ้างเข้าอยู่แล้วเกิดปัญหา อาทิ เกิดรอยร้าว รอยแตก หรือหลังคารั่ว ผู้รับจ้างต้องทำการซ่อมแซมให้บ้านมีคุณภาพแบบเดิม
- การยกเลิกสัญญาว่าจ้าง และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหาย
ที่สำคัญในสัญญารับสร้างบ้าน จะต้องระบุรายละเอียดข้อกำหนดของการยกเลิกสัญญา และสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายให้ชัดเจน เพื่อที่จะมีหลักฐานในการฟ้องร้อง หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา
- การลงนามเซ็นสัญญา
สุดท้ายของการทำสัญญาสร้างบ้าน คือ จะต้องมีการลงนามของผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้าง พยานคนที่ 1 และพยานคนที่ 2 ให้ชัดเจน ไม่ควรมีการลงนามแค่เพียง 2 คนเท่านั้น เผื่อในกรณีฉุกเฉินจะได้มีหลักฐาน หรือข้อมูลจากพยานมาให้ปากคำ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และชนะคดีหากเกิดการฟ้องร้องได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.royalhouse.co.th/